วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อาการแค่ไหนควรลง windows ใหม่


บางท่านซื้อมาแล้ว ปี ก็ยังไม่เคยล้างเครื่องลง Windows ใหม่สัดที แล้วแบบนี้จะต้องลงหรือเปล่า เป็นคำถามที่ตอบยากเหมือนกันครับ ขึ้นอยู่กับการใช้งานเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าถามว่าอาการแบบไหน อย่างนี้ตอบง่ายครับ มาดูกัน
อาการที่ เครื่องบู๊ตไม่ขึ้น
เครื่องเจอปัญหาหนักถึงกับบู๊ตไม่ขึ้น Windows ไม่สามารถแสดงขึ้นมา หรือไม่สามารถใช้งานได้ ค้างอยู่ที่หน้าจอสีดำ หรืออยู่ที่หน้าจอโหลดโลโก้ของ Windows
อาการที่ เครื่องแฮงค์บ่อย
เปิดเครื่องมาใช้งานได้ไม่นาน อยู่ดีๆ ก็เกิดการค้างไปซะงั้น เป็นประจำ ไม่สามารถทำงาน ปัญหาเครื่องแฮงค์บ่อยๆ อาจส่งผลให้ฮาร์ดิสก์พังตามไปด้วยก็เป็นได้ (ต้องกด Reset ตลอด) ปัญหานี้จะต้องตรวจดูก่อนว่า อาการแฮงค์เกิดมาจากอะไร เช่น ในขณะที่เปิดโปรแกรมอะไรอยู่
อาการที่ เครื่องช้ามากๆ ทำอะไรไม่ทันใจเลย
เครื่องทำงานช้า ไม่ทันใจเหมือนตอนที่ซื้อมาใหม่ (ของใหม่ย่อมต้องดีกว่า) เช่น บู๊ตเข้าระบบช้ามาก เปิดโปรแกรมก็ต้องรอนาน การบันทึกงานก็รอแล้วรออีก
อาการที่ ติดไวรัส แก้ก็ไม่หาย
ปัญหาไวรัสดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เครื่องไหนไม่มีไวรัสสิแปลก ไวรัสมีหลายประเภท และส่งผลกระทบที่แตกต่างกันออกไป เช่น แสดงข้อความแปลกๆ จนถึงทำให้ Windows รวน ทำลายข้อมูลที่อยู่ในเครื่อง หากยังโดนเล่นงานต่อไป อุปกรณ์ต่างๆ ก็จะทำงานหนักขึ้น อายุการใช้งานก็จะลดลงตามไปด้วย
อาการที่ เครื่องมีปัญหาจุกจิก แก้ยังไงก็ไม่หาย อาการที่พบได้บ่อย เช่น
  • ฟอนต์เมนูแสดงผิดไปจากปกติ

  • ตั้งค่าต่างๆ ของ Control Panel ไม่ได้

  • เปิดโปรแกรมหลายตัว หรือดูหนัง ฟังเพลง แล้วเครื่องค้าง

  • Copy หรือย้ายไฟล์เอกสารไม่ได้ คำสัง Copy, Paste หายไป

  • ไฟแสดงสถานะฮาร์ดดิสก์กระพริบตลอดเวลา ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
ปัญหาเหล่านี้ควรจะหาวิธีแก้ดูก่อนครับ หากแก้ไม่หายจริงๆ ก็ต้องลง Windows ใหม่ครับ
สิ่งที่เราจะได้จากการลง Windows ใหม่

  • ช่วยจัดการปัญหาที่มองไม่เห็น 100%

  • ได้ระบบปฏิบัติการที่ใหม่เอี่ยม

  • กำจัดไวรัสได้อย่างเด็ดขาด

การจัดการไวรัส

อย่างน้อยๆเราจะกำจัดไวรัสอื่นๆที่แฝงตัวอยู่แต่เรายังไม่รู้ตัวไปในตัว และทำให้เครื่องเราสะอาดมากขึ้น วิธีที่ดีที่สุดก็ดังนี้ครับ
          - 1. ไปปิด system restore โดยคลิกขวา MyCom > Properties > System Restore แล้วติ๊กถูกที่ Turn Off ... คลิก OKที่ต้องปิดเพราะบางทีไวรัสมันก็แอบไปอยู่ในนี้เหมือนกันหรือบางทีระบบนี้แหละที่ดันไปแบ็คอัพมันไว้โดยไม่รู้ตัวถ้าไม่ปิดจะไปกำจัดไวรัสไม่ได้หรือกำจัดไปแล้วแต่ดันมีแบ็คอัพหลบอยุ่ในนี้อีกครับ
          - 2. บูตเครื่องให่เข้าสู่เซฟโหมด (safe mode) โดย  รีสตาร์ทเครื่องเลยแล้วกด F8 รัวๆ แล้วแต่เมนบอร์ด(หรือไบออส) ก็เลือกไปที่ safe mode แค่นี้ก็เข้าได้แล้ว
          - 3.ใช้ ComboFix จัดการ(วิธีใช้ค้นหาที่ google) 
          - 4. เสร็จแล้วไวรัสบางตัวเนี่ยมันจะไปแก้ไขรีจิสทรี บางทีเชือดมันไปแล้วเครื่องปลอดภัยแล้วแต่รีจิสทรีมันโดนแก้ไปแล้วเลยพาลทำให้นึกว่ามันยังอยู่ ให้ไปหาโปรซ่อมรีจิสทรีมาใช้ครับ ซ่อมซะให้เข็ด ถ้าซ่อมแล้วยังไม่หายต้องไปหาในเน็ทแล้วครับ แล้วลงมือแก้ไขรีจิสทรีเอง ซึ่งก็เป็นกรณีไปเช่นกันครับ(วิธีเข้าไปแก้รีจิสทรีคือ run ---> พิมพ์ regedit ครับ)
          ข้อเสนอแนะโปรแกรมในการซ่อมแซมรีจิสทรี ที่ผมใช้หลัก(แบบพอเพียง)อยู่ ณ วันนี้เป็นโปรแกรมเล็ก  ใช้ง่ายและเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพมี 6 โปรแกรม คือ

          -  Auslogics Disk Defrag  : ใช้เรียงข้อมูล

          -  cpe17antiautorun  : ใช้ป้องกันไวรัสจาก Hand disk Drive

          -  fix_show_hidden  : ใช้เรียก Folder options คืน

          -  Kaspersky 7  : แอนตี้ไวรัสป้องกันไวรัสประจำเครื่อง

           Registry.Repair : ใช้คืนค่าRegistryและซ่อมแซม

          -  Error.Repair.Professional : ใช้แก้ไขERROR ที่แสดงให้เห็นที่จอคอมฯและลบไฟล์ชั่วคราวต่างๆ



โปรแกรมที่ใช้จัดการไวรัสและUtilityขอเสนอแนะที่นี่ครับhttp://load1.uploadfile.biz/get.php?file=125i26i205i246date22112009am075541


          ถ้าทำตามตามกระบวนการข้างต้นนี้แล้ว หรือ ไม่มี แอนตี้ตัวไหนก็พิชิตได้ ก็ต้อง say good bye กับวินโดว์คุณแล้วละครับ ลงใหม่เถิดครับ format ให้เกลี้ยงเลยไดรว์ c: แล้วลงใหม่ แต่ถ้าไวรัสนั้นมันติดไปไดรว์อื่นด้วย ควรลบไฟล์ที่ติดนั้นๆออกก่อน format นะครับ ถึงคราวต้องเสียสละกันแล้ว ส่วนใครไม่มั่นใจว่าลบมันไม่หมดก็คงต้อง format ทั้งฮาร์ดดิสก์สถานเดียวล่ะครับ.....ขอให้โชคดีปลอดภัยจากไวรัส.....ทุกคนครับ